คอลัมน์ ดร.ณัชร จัดหนังสือ เล่มที่ 97 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “อ่านใจคนได้ใน 1 นาที” ค่ะ
“ =ภาพรวม=
หนังสือเล่มนี้เขียนโดยศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญทางพฤติกรรมมนุษย์ โดยจะเน้นการใช้จิตวิทยามาวิเคราะห์คำพูด สีหน้า ท่าทางในบทสนทนาโต้ตอบสั้น ๆ เพื่อหาความจริงค่ะ
แน่นอนค่ะเทคนิคเหล่านี้ถูกนำไปใช้โดยตำรวจในการสืบพยานหรือสอบสวนผู้ต้องหา แต่หลายตัวอย่างในเล่มก็เป็นเทคนิคที่สามารถนำไปใช้ในที่ทำงานและความสัมพันธ์ส่วนตัวได้ ”
=น่าสนใจจากในเล่ม=
* ถ้าสงสัยว่าอีกฝ่ายเสพยา หรือ ขโมยของใช้สำนักงานไป ให้เลี่ยงการถามซึ่งหน้าตรง ๆ แต่ใช้วิธีถาม “เกี่ยวกับ” เรื่องนั้น ๆ แทน เช่น “เพิ่งอ่านมาว่า 33% ของคนอเมริกันเคยเสพยา” หรือ “คุณคิดว่าเราควรทำอย่างไรให้คนเลิกขโมยของใช้สำนักงาน” แล้วสังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่าย
ถ้าเขามีท่าทางอึดอัดและพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย ก็สันนิษฐานได้ว่าเขาผิดจริง แต่ถ้าเขาบริสุทธิ์เขาจะตอบอย่างปกติ หรือกระตือรือร้นด้วยซ้ำค่ะ
* ถ้ามีสิ่งต่าง ๆ ที่ผู้นั้นไม่รู้จักวางอยู่ตรงหน้าหลาย ๆ ชิ้น คนเราจะถูกดึงดูดให้เข้าหาสิ่งเหล่านั้นอย่างเท่าเทียมกัน แต่ถ้าเขารู้จัก เคยเห็น หรือรับรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้นมาก่อน เขาจะให้ความคนใจกับสิ่งนั้นเป็นอันดับแรก หรืออาจมองสิ่งนั้นนานกว่าสิ่งอื่น ๆ
* ผู้ที่ถูกกล่าวหาทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นคนผิดมีแนวโน้มที่จะออกอาการเอาเรื่อง ส่วนผู้ที่ทำความผิดจริง ๆ มักจะออกอาการปกป้องตนเอง
* ถ้าลูกค้าของคุณและตัวคุณนั่งอยู่บนเก้าอี้สีแดงระหว่างที่คุณนำเสนอผลงาน เมื่อนำเสนอเสร็จให้คุณพาเขาไปยังอีกห้องหนึ่งที่มีเก้าอี้สีแดงและสีเทาอย่างละสองตัว ถ้าเขาประทับใจการนำเสนองานของคุณ เขามีแนวโน้มที่จะนั่งเก้าอี้สีแดงมากกว่าสีเทา
* เมื่อคุณถามเจ้านายว่าเธอคิดอย่างไรกับแนวคิดใหม่ของคุณแล้วเธอตอบว่า “ฉันชอบมันนะ” ก็เป็นไปได้มากว่าเธอชอบจริง ๆ มากกว่าการพูดว่า “มันก็เข้าท่าดีนะ” หรือ “คุณทำได้เยี่ยมไปเลย” เพราะ 2 คำตอบหลังนั้นเลี่ยงการเอาตนเอง (“ฉัน”) เข้าไปพัวพันด้วย
* ถ้าอีกฝ่ายมีความอึดอัดไม่สบายใจหรือหวาดกลัว เขาจะกลอกตาไปมา มีท่าทางวอกแวก หรือไม่ก็แข็งทื่อไป น้ำเสียงจะแหลมและสูงขึ้น มีอาการกลืนลำบาก บางคนจะกระแอมเวลาประหม่าเพราะความกังวลจะทำให้เสมหะก่อตัวขึ้นในลำคอ
* ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา 5 ครั้งซ้อนก่อนปี 2000 ผู้สมัครที่กระพริบตาถี่กว่าในการโต้วาทีระหว่าง 2 พรรคจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้การเลือกตั้ง
* คนที่มีความมั่นใจจะเพ่งสมาธิไปที่เป้าหมาย คนที่มีความประหม่าไม่มั่นใจจะมัวกังวลอยู่กับ “ความดูดี” ของตนเอง
* คนที่ถูกความกลัวเข้าครอบงำจะค่อย ๆ ถอยกลับไปแสดงพฤติกรรมผ่านแรงขับของเด็กทารกและสัตว์ เช่น กัดปากกา หรือพฤติกรรมเอาแต่ใจตัวเองอย่างการระเบิดความโกรธ ความอิจฉาริษยา หยาบคาย ไม่เกรงใจ
* ถ้าการแสดงออกทางอารมณ์ขัดกับคำพูด ให้เชื่ออย่างแรก เช่น ถ้าชายคนหนึ่งมีสีหน้าบึ้งตึงหรือกำมือแน่นขณะที่บอกรักแฟนสาวของเขา นั่นหมายถึงเขาไม่ได้รู้สึกต่อเธอเช่นนั้นเลย
* สำหรับคนถนัดขวา เมื่อคุณขอให้เขาเล่าความจริงที่เกิดขึ้น ถ้าเขาเหลือบตาไปข้างบนแล้วมองไปทางซ้ายแปลว่าเขากำลังคิดย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แต่ถ้าเขามองไปทางขวาแปลว่าเขากำลังจินตนาการเรื่องใหม่ขึ้นมา (แสดงว่าพูดโกหก) ถ้าเป็นคนถนัดซ้ายจะกลอกตาไปด้านตรงข้าม
* คนที่โกรธ หงุดหงิด ผิดหวังกับชีวิต รู้สึกว่าไม่เคยได้สิ่งที่คาดหวังจะหาโอกาสสร้างความประทับใจให้คนอื่นอยู่ตลอดเวลา ดิ้นรนเสาะหาการยอมรับนับถือจากคนอื่น หมกมุ่นกับสิ่งที่เขาไม่มี สิ่งที่เป็นของคนอื่น การเดินทางของเขาไม่เคยนำมาซึ่งความพอใจ และยังลงโทษตัวเองด้วยการกินเหล้า หรือ เสพยา ด้วย
* คนที่พูดถึงชีวิตในวัยเด็ก พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ เพื่อนในวัยเด็กด้วยความเกรี้ยวกราด ใช้ภาษาที่ก้าวร้าวรุนแรงหรืออาจถึงขั้นด่าทอ เป็นคนอันตราย เพราะแสดงว่าเขามีประเด็นปัญหาที่ค้างคาใจที่อาจจะระเบิดออกมาในเร็ววันนี้
หนังสือชื่อ “อ่านในคนได้ใน 1 นาที” โดย เดวิด เจ.ไลเบอร์แมน สำนักพิมพ์วีเลิร์น 185 หน้า ราคา 170 บาท ซื้อได้ตามร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป
------------------------------------------------------------------
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กสิงคโปร์และเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติค่ะ
มาช่วยกันสร้างวัฒนธรรมการให้หนังสือเป็นของขวัญในทุกโอกาสกันนะคะ
-------------------------------------------------------------------