คอลัมน์ ดร.ณัชร จัดหนังสือ เล่มที่ 195 วันนี้ จะมาคุยถึงหนังสือชื่อ “นารีนครา” ค่ะ
“ =ภาพรวม=
หนังสือวรรณกรรมจีนร่วมสมัยขนาดกำลังดี ไม่หนาจนเกินไปเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านแล้ว “วางไม่ลง” มากที่สุดในบรรดาพระราชนิพนธ์แปลของสมเด็จพระเทพฯ เท่าที่เคยรีวิวมาค่ะ จึงไม่แปลกใจเลยที่เล่มนี้พิมพ์เป็นครั้งที่ 8 แล้ว!
พล็อตเรื่องดูเผิน ๆ เหมือนจะเรียบง่ายแต่กลับสามารถสอดแทรกแนวคิดการใช้ชีวิตในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาได้อย่างแนบเนียน อ่านแล้วทั้งได้เกร็ดความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สังคมวัฒนธรรมจีน ทั้งได้ความซาบซึ้งสะเทือนใจ อีกทั้งยังได้ขบคิดถึงความหมายของชีวิตอีกด้วยค่ะ ”
=เรื่องย่อ=
เรื่องราวทั้งหมดเกิดที่เมืองอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ยซึ่งอยู่ตอนกลางของประเทศจีน เป็นเรื่องราวของสตรี 3 รุ่น ที่มาเกี่ยวพันกันในความสัมพันธ์รูปแบบต่าง ๆ เช่น แม่สามี-ลูกสะใภ้ นายจ้าง-ลูกจ้าง และเพื่อนบ้านที่มีความคุ้นเคยกันมาหลายช่วงอายุคน
แต่พอเนื้อเรื่องดำเนินไปได้สักระยะเราก็จะได้เห็นว่าในความสัมพันธ์ที่เป็นทางการเหล่านั้นมีความผูกพันที่จริงใจเอื้ออาทรดุจเพื่อนแท้ที่ช่วยเพื่อนสู้ชีวิตแฝงอยู่ด้วย ผู้เขียนผูกพล็อตเรื่องได้ลึกซึ้งเกินคาดค่ะ
=ข้อเด่น=
ผู้เขียน คือ ฉือลี่ นั้นเป็นนักเขียนสตรีที่ได้รับรางวัลระดับชาติหลายรางวัลมาก ผลงานหลายเรื่องได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ ละครเวที ฯลฯ รวมทั้งได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 7 ภาษา ดังนั้นวิธีการเล่าเรื่องและการเลือกใช้คำของเธอจึงเหนือชั้นจนสัมผัสได้ตั้งแต่หน้าแรก ๆ ค่ะ
และแน่นอนค่ะพระอัจฉริยภาพในการแปลของสมเด็จพระเทพฯนั้นก็ยอดเยี่ยมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย การที่ทรงเลือกใช้คำในช่วงบรรยายอาหารของเมืองอู่ฮั่นตอนครึ่งหลังของเล่มนั้นทำให้แอ๊ดมินถึงกับหิวขึ้นมาเลยค่ะ แอบคิดว่าคงจะทรงแย้มพระสรวลน้อย ๆ ด้วยพระอารมณ์ขันตอนทรงแปลด้วยค่ะเพราะคงจะทรงทราบว่าบทพรรณนาอาหารนั้นจะทำให้ผู้อ่านอย่างเรา ๆ หิวเพียงใด
ในภาคผนวกท้ายเล่มจะมีภาพอาหารต่าง ๆ ของเมืองอู่ฮั่นพร้อมประวัติคร่าว ๆ ของมณฑลหูเป่ยด้วยค่ะ
=ตัวอย่างคำคมจากในเรื่อง=
* เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ความจริง
* ในโลกนี้ไม่มีงานที่ต่ำต้อย มีแต่คนที่ต่ำต้อย
* เรื่องต่าง ๆ จะยากในตอนเริ่มต้น ที่ว่ายากคือไม่เคยชิน เมื่อชินแล้วอะไร ๆ ก็ดีไปเอง
* ...เพิ่งพบกันก็ต้องจากกันไปแล้ว เวลาสั้นมาก จิตใจจึงเป็นทุกข์…
* ...นางเอาความทะเยอทะยานมุ่งมาดแรงกล้าแบบนี้มาจากไหน สูงกว่าฟ้า หนากว่าดิน...
* ...ความรู้สึกของคนที่ผูกพันกับสถานที่นี้ไม่สามารถลบเลือนได้ ตราบใดที่เสาอาคารต้นสุดท้ายยังคงอยู่ ความเชื่อถือที่ถือปฏิบัติกันจากรุ่นสู่รุ่นก็จะคงอยู่โดยไม่ต้องพูดออกมา…
* ...หลังจากเมื่อวานนี้เฝิงชุนเห็นว่าคนแก่เป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมในโลกมนุษย์ ในโลกมนุษย์มีคนเกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่ว่ามีพระโพธิสัตว์ด้วย...
* ...เธอจะต้องไม่กระโดดเข้าบ่วงแห่งความรัก ในโลกนี้ไม่มีเรื่องนิทานแบบนั้น สังคมซับซ้อนยุ่งเหยิง อย่าเสียสติ พอถึงเวลาจะร้องไห้ก็สายไปเสียแล้ว...
* ...ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาแย่งเอาชุนเทียน (ช่วงที่ดีที่สุด) ในชีวิตเธอไปได้!...
=สรุป=
หนังสือนี้เมื่ออ่านจบแล้วจะให้ความรู้สึกอันอบอุ่น อ่อนโยนในจิตใจค่ะ ซึ่งก็คือความรู้สึกเมตตาปรารถนาดีที่มีต่อบรรดาผู้ที่ต้องสู้ชีวิตเหมือนกับตัวละครต่าง ๆ ในเรื่องนั่นเอง
ผลพลอยได้ที่คาดไม่ถึงอีกอย่างก็คือ ท่านผู้อ่านจะรู้สึก “ให้อภัย” กับผู้คนได้มากขึ้น โดยเฉพาะต่อนักท่องเที่ยวจีนที่สำหรับเราแล้วบางครั้งอาจดูเสียงดัง ขโมงโฉงเฉง หรือก้าวร้าวไปบ้าง หนังสือเล่มนี้จะทำให้ท่านเข้าใจมากขึ้นค่ะว่าที่มาของกิริยาอาการเหล่านั้นมาจากสังคมที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนของชาวจีนนั่นเอง
คงต้องยกเครดิตให้พระอัจฉริยภาพของสมเด็จพระเทพฯ ที่ทรงเลือกแปลเล่มนี้มาไม่เพียงแต่เพื่อให้พวกเราเรียนรู้คุณค่าชีวิตและฝึกพัฒนาจิตวิญญาณ แต่ยังเพื่อให้พสกนิกรชาวไทยเราได้เรียนรู้และเข้าใจชาวจีน เพื่อความสัมพันธ์อันแนบแน่นขึ้นของบ้านพี่เมืองน้องอีกด้วย ทรงพระเจริญ!
หนังสือชื่อ “นารีนครา” โดย ฉือลี่ พระราชนิพนธ์แปลในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น พิมพ์ครั้งที่ 8 เมษายน 2557 160 หน้า ราคา 185 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำและเวบไซต์ร้านหนังสือทั่วไป
------------------------------------------------------------------
เกร็ดน่ารู้:
* เด็กสิงคโปร์และเวียดนามอ่านหนังสือเล่มโดยเฉลี่ยปีละ 60 เล่ม/คน
* คนไทยถึง 40% ไม่อ่านหนังสือเล่มใด ๆ เลย
* แม้ในหมู่คนไทยที่อ่านหนังสือก็อ่านโดยเฉลี่ยเพียงปีละ 4 เล่ม/คน
คอลัมน์ “ดร.ณัชร จัดหนังสือ” นี้ จึงมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการอ่านเพื่อพัฒนาตนเองและประเทศชาติค่ะ
(ที่มา: http://goo.gl/qH2arZ และ http://goo.gl/2Ue7S3)
มาช่วยกันสร้างวัฒนธรรมการมอบหนังสือเป็นของขวัญในทุกโอกาสนะคะ